ความเป็นมาของ “ถนนสายไม้
ชุมชนประชานฤมิตร เป็นชุมชนเก่าแก่ ชาวบ้านดั้งเดิมจะประกอบอาชีพเกษตรกรรม ยกร่องทำสวน เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงมีการติดต่อค้าขายกับภายนอก และมีผู้คนจากต่างถิ่นอพยพเข้ามาอาศัยทำกินมากมาย รวมทั้งพ่อค้าชาวจีน จากย่านวัดญวนสะพานขาว ย่านถนนดำรงรัก ย่านวัดสระเกศ ย่านสะพานดำ ย่านบางลำพู ย่านนางเลิ้ง ก็ได้นำอาชีพเกี่ยวกับการทำเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ งานฝีมือช่างไม้ ช่างแกะสลักไม้ งานประดิษฐกรรมไม้ การแปรรูปไม้ ติดตัวมา และด้วยเหตุที่ด้านตะวันตก ของชุมชนติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเส้นทางล่องแพซุงแพไม้ จากภาคเหนือสู่ภาคกลาง คือ กรุงเทพมหานครที่มีเส้นทางการลำเลียงขนส่งสะดวกและมีโรงเลื่อยตั้งอยู่เรียงราย บริเวณท่า น้ำวัดบางโพเรียงเรื่อยขึ้นไปทางนนทบุรี ตลอดแนวย่านนี้จึงเป็นแหล่งรวม ของไม้แปรรูปทุกชนิดและทำให้สะดวกในการจัดหาวัตถุดิบ นับตั้งแต่นั้นมาชุมชนย่านนี้จึงเป็นแหล่งรวมร้านค้า สถานประกอบการ และอุตสาหกรรมขนาดย่อมเกี่ยวกับเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ มีช่างไม้ฝีมือดี ช่างแกะสลักไม้ งานประดิษฐกรรมไม้ การแปรรูปไม้ เป็นต้น
ดังนั้น “ถนนสายไม้” แห่งนี้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับงานไม้เฉพาะในหมู่ช่างไม้และร้านเฟอร์นิเจอร์ ที่มารับของไปขายหน้าร้านเท่านั้น จนกระทั่ง คุณสมศักดิ์ จันทวัฒนา ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเขตบางซื่อ ในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ ครัวเรือนและผู้ประกอบการแทบทุกส่วนได้รับผลกระทบและรับรู้ได้อย่างชัดเจน ถึงผลกระทบของความตกต่ำนั้น ซึ่งร้านค้าและสถานประกอบการในซอยประชานฤมิตร ก็ประสบกับภาวะชะงักงันเช่นกัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเขตบางซื่อให้เป็นเมืองน่าอยู่ และประชาชนได้รับความสะดวกสบาย ผู้อำนวยการเขตจึงได้ออกสำรวจพื้นที่ถนน ตรอกและซอย โรงเรียน สถานที่สำคัญต่างๆ ตลอดจนวัดวาอาราม พร้อมกับถือโอกาสเยียมเยี่ยมประชาชนตามชุมชนต่างๆ ไปด้วย ทั้งนี้เพื่อศึกษาสภาพพื้นที่ และรับทราบปัญหา ข้อเสนอแนะจากประชาชนนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนา จากการสำรวจในครั้งนั้นผู้อำนวยการเขตได้เยี่ยมชุมชนต่างๆ ซึ่งมีอยู่ถึง 50 ชุมชน มีอยู่ชุมชนหนึ่งที่ท่านได้พบกับความแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นชุมชนที่ไม่เหมือนใคร คือ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวคือ ชุมชนประชานฤมิตร ซึ่งตั้งอยู่ในซอยประชานฤมิตรซึ่งเป็นซอยเชื่อมระหว่างถนนประชาราษฎร์สาย1 กับ ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร โดยตลอดสองฟากซอยเป็นสถานที่ตั้งของสถานประกอบการเกี่ยวกับการประดิษฐ์ เครื่องเรือนไม้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นตู้ โต๊ะ เตียง เก้าอี้ ประตู หน้าต่าง ประดิษฐกรรมไม้ การแกะสลัก การแปรรูปไม้ ตลอดจนอุปกรณ์ตกแต่งบ้านชนิดครบวงจร เรียกว่า ถ้าใครจะก่อสร้างบ้านหรือตกแต่งบ้านมาที่ซอยได้ครบทุกอย่าง และที่สำคัญคือ ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพของสินค้า ท่านผู้อำนวยการเขตได้ลองนับดูมี สถานประกอบกิจการในซอยนี้ถึงกว่า 200 ราย ความโดดเด่นดังกล่าวทำให้ท่านผู้อำนวยการเขต มีความสนใจที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของชุมชนให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของเขตบางซื่อ หรือ OTOP ของเขตบางซื่อ
ดังนั้น ท่านผู้อำนวยการเขตซึ่งมีหน้าที่ส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ จึงจำเป็นต้องหาทางช่วยเหลือ ด้วยท่านคิดว่าน่าจะเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้แหล่ง เครื่องเรือนไม้แห่งนี้ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลายแก่ประชาชนทั่วไปให้ กว้างขวางมากขึ้น เพราะแต่เดิมคนที่รู้จักจะอยู่ในวงแคบเฉพาะพวกช่างไม้และร้านเฟอร์นิเจอร์ ที่มารับของไปขายหน้าร้านเท่านั้น ประกอบกับในขณะนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.พิจิตต รัตตกุล ได้มีนโยบายให้ทุกเขตจัดงานถนนคนเดินขึ้นอย่างน้อยเขตละหนึ่งถนน
โดยเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือกถนนที่จะจัด คือ
- จะต้องเป็นถนนที่เมื่อจัดเป็นถนนคนเดินแล้วไม่กระทบต่อการจราจรมากนัก
- ถนนนั้นจะต้องมีของดีประจำถิ่น
- การจัดจะต้องดำเนินการโดยชุมชนเอง
- จะต้องไม่ใช่งบประมาณของทางราชการ
ผู้อำนวยการเขตซึ่งเป็นผู้ริเริ่มและผู้ร่วมก่อตั้งได้ปรึกษาหารือกับผู้ร่วมก่อตั้ง และแกนนำชุมชน ดำเนินการการประชุมและวางแผนการดำเนินงานที่ ศาลเจ้าแม่ทับทิมกลางซอยประชานฤมิตร โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี และได้จัดทำซุ้มประตูเพื่อจะได้มีสัญลักษณ์เป็นที่สังเกตง่ายว่าที่แห่งนี้ คือแหล่งงานไม้และให้มีเอกลักษณ์บ่งบอกถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยได้รับความอนุเคราะห์จากอาจารย์ สุดสาคร ชายเสม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านจิตรกรรมประติประมากรรมไทย ปัจจุบันใครผ่านไปมาทั้งด้านที่เข้าทางถนนประชาราษฎร์ สาย 1 และด้านที่ออกทางถนนกรุงเทพ – นนทบุรี จะเห็นซุ้มประตูตั้งเด่นเป็นสง่าสวยงาม และผู้อำนวยการเขตได้ไปชักชวนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาร่วมจัดงาน คุณวิวัฒน์ชัย บุญภักดี และ คุณสมมาศ ศิริวงศ์ ซึ่งทั้ง 2 ท่านให้ความร่วมมืออย่างดีและยังได้ร่วมกันตั้งชื่องานว่า“ถนนสายไม้” อันเป็นชื่อที่ใช้ในการจัดงาน โดยในปี 2542 เป็นปีแรกที่เริ่มมีการจัดงาน “ถนนสายไม้” ขึ้นมาซึ่งมีประชาชนพี่น้องให้ความสนใจมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก จากเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอันแสดงถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นซึ่งมีคุณค่า และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและฝีมือความชำนาญในการผลิตเครื่องเรือน งานไม้งานแกะสลัก จึงทำให้ “ถนนสายไม้” เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายว่าเป็น“แหล่งรวมเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ทำจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ” และมีประชาชนนิยมมาหาซื้อเครื่องเรือน ไม้แกะสลักและ ไม้สำเร็จรูปที่ชุมชนแห่งนี้ จากการจัดงานครั้งนั้นทำให้อาชีพของชุมชนแห่งนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ “ถนนสายไม้” จึงกลายเป็นงานประเพณีประจำปีของกรุงเทพมหานคร โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเขตบางซื่อ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน โดยกำหนดการจัดงานในวันเสาร์ – อาทิตย์ สุดท้ายของเดือนมกราคม ของทุกปี
ขอขอบคุณ
กรุงเทพมหานคร
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำนักงานเขตบางซื่อ
สำนักงานตำรวจนครบาลเตาปูน
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
สภาวัฒนธรรมเขตบางซื่อ
คุณชัชวาลย์ คงอุดม สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร
คุณสมศักดิ์ จันทวัฒนา ผู้อำนวยการเขตบางซื่อ ปี2540และผู้ริเริ่มผู้ร่วมก่อตั้งประชาคมประชานฤมิตรและรองผู้อำนวยการสำนักสวัสดิการและสังคม
อาจารย์สุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบซุ้มประตูประชาคมประชานฤมิตรทั้งสองด้านและออกแบบลายไทยในการแข่งขันการแกะสลักไม้
คุณวิวัฒน์ชัย บุญภักดี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
คุณสมมาศ ศิริวงศ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
คุณทูล ภุมรินทร์วรากูล เอื้อเฟื้อที่จอดรถตลาดเตาปูน
คณะกรรมการประชาคมประชานฤมิตรทุกท่าน
ผู้ประกอบการในซอยประชานฤมิตรทุกร้าน
———————
ประธานประชาคมประชานฤมิตร
ปี 2542-2543 ประธานประชาคมประชานฤมิตร
คุณวสันต์ ศรีรัชตระกูล
ปี 2544-2545 ประธานประชาคมประชานฤมิตร
คุณยงค์ พุฒดี
ปี 2546-2547 ประธานประชาคมประชานฤมิตร
คุณส่วน ดวงจันทร์
ปี 2548-2549 ประธานประชาคมประชานฤมิตร
คุณประสิทธิ์ สืบจากลา
ปี 2550-2551 ประธานประชาคมประชานฤมิตร
คุณประสิทธิ์ สืบจากลา
จากหนังสือ ประชานฤมิตร ถนนเครื่องเรือน ถนนเฟอร์นิเจอร์
จากหนังสือ ประชานฤมิตร 6 ปี ถนนสายไม้